
![]() |
ยาสมุนไพร ประจำตระกูลหลี |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
รวมลิงค์เว็บเพื่อนบ้าน |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
สำหรับ พนักงาน |
![]() |
![]() |
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ![]() กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
ขอบคุณรูปจาก OpenStax College
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือมีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Cystitis เป็นโรคที่พบบ่อย พบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายหลายเท่า
สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อโรคเข้ามาในท่อปัสสาวะ ซึ่งแหล่งเชื้อโรคที่ใกล้ที่สุด คือ ทวารหนัก
ขอบคุณรูปจาก Bobjgalindo
เชื้อโรคจากทวารหนักเหล่านี้ ได้แก่ อีโคไล(E. coli) เคล็บซิลลา สูโดโมแนส เอนเทอโรแบกเตอร์เชื้อโรคเหล่านี้ปนเปื้อนผ่านเข้าท่อปัสสาวะเข้ามาในกระเพาะปัสสาวะ แต่ที่พบบ่อยมากที่สุด ประมาณ 75-95% เกิดจากเชื้อ อีโคไล
ขอบคุณรูปจาก The Journal of the American Medical Association
เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นและอยู่ใกล้ทวารหนัก จึงมีโอกาสสูงที่เชื้อแบคทีเรียจำนวนมากจากทวารหนักจะเคลื่อนที่เข้าสู่กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดการฟักตัวและอักเสบได้ ทำให้เป็นเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะมากกว่าผู้ชายหลายเท่าตัว ผู้หญิงแทบทุกคนมีโอกาสเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยสูงอายุ พบมากในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และผู้หญิงที่ชอบอั้นปัสสาวะนานๆ นอกจากเชื้อแบคทีเรียจากทวารหนักแล้ว การมีเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะในระยะแต่งงานกันใหม่ๆ ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียหลุดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะได้ง่าย ทำให้เกิดอาการอักเสบที่เรียกว่า Honey Moon Cystitis รวมไปถึงการใช้สเปรย์ดับกลิ่นบริเวณอวัยวะเพศ เพราะจะก่อการระคายเคืองเนื้อเยื่อปากท่อปัสสาวะและปากช่องคลอด เพิ่มโอกาสเกิดการบาดเจ็บและการติดเชื้อของเนื้อเยื่อ การวิธีคุมกำเนิดก็เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ การคุมกำเนิดด้วยยาฆ่าอสุจิ หรือการใช้ฝาครอบปากมดลูก (Diaphragm) เพราะเป็นสาเหตุก่อการระคายเคือง และบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อปากท่อปัสสาวะและปากท่อช่องคลอด ส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ง่ายขึ้น ผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคนี้น้อย ถ้าเป็นมักมีความผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ต่อมลูกหมากโต หรือมีก้อนเนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ หรือมีความผิดปกติทางโครงสร้างของทางเดินปัสสาวะ
ขอบคุณรูปจาก István Mihály ในผู้สูงอายุนั้น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีสาเหตุมาจากสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศไม่ดี โดยเฉพาะผู้ที่ขาดคนดูแล นอกจากนั้นมักไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว มักนั่งๆนอนๆ และดื่มน้ำน้อย ปัสสาวะจึงแช่ค้าง หรือกักคั่งในกระเพาะปัสสาวะ เชื้อโรคจึงเจริญเติบโตได้ดี กระเพาะปัสสาวะอักเสบอาจจะเป็นโรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยเบาหวาน นิ่วกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโต โรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่ถ่ายปัสสาวะไม่ได้เนื่องจากเป็นอัมพาต หรือภายหลังการสวนปัสสาวะ นอกจากการติดเชื้อแล้ว จะมีสาเหตุจากการไม่ติดเชื้อ ซึ่งเรียกว่า noninfectious Cystitis สาเหตุของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบดังที่กล่าวมาแล้วยังมีสาเหตุมาจากการฉายแสง หรือจากยาเคมีบำบัด หรือสารระคายอื่นเช่น ผ้าอนามัย spray ยาฆ่าเชื้อ ภาวะต่างๆเหล่านี้จะทำให้เกิดการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะได้ อาการต่างๆจะเหมือนกับแบบติดเชื้อ แต่แบบนี้จะไม่พบเชื้อโรค
อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ ขอขอบคุณรูปจาก Markhamilton
1. ปัสสาวะกะปริดกะปรอย ปวดขัดหรือแสบร้อนเวลาถ่ายปัสสาวะ 2. ปัสสาวะอาจมีกลิ่นเหม็น บางรายอาจขุ่นหรือมีเลือดปน 3. ปัสสาวะบ่อย แต่ละครั้งจำนวนน้อย และกลั้นไม่ได้ ต้องรีบเข้าห้องน้ำ 4. ตึง ปวดถ่วง บริเวณท้องน้อย 5. แสบในท่อปัสสาวะ ปวดเสียดตอนถ่ายสุด 6. มีไข้ มีได้ทั้งไข้สูงและไข้ต่ำ (พบได้บ่อยกว่า) แต่มักไม่มีไข้เมื่อเป็นการอักเสบเรื้อรัง 7. อาจมีคลื่นไส้อาเจียนได้ เมื่อเป็นการติดเชื้อเฉียบพลัน 8. อาจมีนิ่วปนออกมาในปัสสาวะ เมื่อเกิดร่วมกับ นิ่วในไต หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
ขอบคุณรูปจาก Jordi March i Nogué
กระเพาะปัสสาวะอักเสบในรายที่ เป็นๆหายๆเรื้อรังและถ้าไม่ได้รับการรักษาเชื้อโรคอาจลุกลามขึ้นไปที่ไต ทำให้กลายเป็นกรวยไตอักเสบได้ อาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ หรือลุกลามไปที่ต่อมลูกหมาก ก็ทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบได้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อช่วยขับเชื้อโรคออกและช่วยลดอาการปวดแสบร้อนเวลาปัสสาวะ
การตรวจโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ขอขอบคุณรูปจาก Steven Fruitsmaak
การวินิจฉัยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้นได้ทำได้ไม่ยาก โดยมีอาการดังกล่าวข้างต้นร่วมกับการตรวจปัสสาวะ เพื่อทำการตรวจว่ามีจำนวนเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงผิดปกติหรือไม่ ในบางรายที่เป็นเรื้อรังอาจจำเป็นต้องเก็บปัสสาวะไปเพาะเชื้อเพื่อให้ทราบถึงแบคทีเรียนั้นด้วย หรือการส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ ตามดุลพินิจของแพทย์
การป้องกันโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ มีวิธีการป้องกันกระเพาะปัสสาวะอักเสบดังนี้ 1. สำหรับผู้หญิง ให้หมั่นรักษาความสะอาดบริเวณช่องคลอด ท่อปัสสาวะและทวารหนัก 2. อนามัยในการใช้ห้องน้ำก็เช่นกัน เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้น และอยู่ใกล้ทวารหนัก หลังจากปัสสาวะควรจะทำให้แห้งโดยการทำความสะอาดซึ่งจะต้องเริ่มจากหน้าไปข้างหลังเพื่อลดการปนเปื้อน
ขอบคุณรูปจาก elos
3. ในบางโอกาสแบคทีเรียอาจจะหลุดเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะแล้ว การดื่มน้ำมากขึ้นสามารถขับแบคทีเรียออกมาได้ 4. หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะ เพราะการกลั้นปัสสาวะนานทำให้แบคทีเรียมีการฟักตัวในกระเพาะปัสสาวะนานขึ้น ทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบง่ายขึ้น 5. ควรปัสสาวะหลังมีเพศสัมพันธ์
ขอบคุณรูปจาก Luis Wilker Perelo WilkerNet
6. ล้างอวัยวะเพศก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์ 7. ก่อนเดินทาง ควรเข้าห้องน้ำปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนทุกครั้ง
ขอบคุณรูปจาก Nikola Pešková
8. ควรใช้ฝักบัว หรือตักอาบ จะดีกว่าการใช้อาบอ่างน้ำ ซึ่งจะทำให้เชื้อโรคในอ่าง เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายกว่า 9. หลีกเลี่ยงใช้ผ้าอนามัยแบบสอด
การรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ สมุนไพรไทย-จีนที่ใช้ในการรักษาอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้แก่
ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ ที่มีสรรพคุณแก้ปัสสาวะพิการ แก้น้ำเหลืองเสีย แก้อักเสบในร่างกาย ขลู่ที่มีสรรพคุณรักษาอาการขัดเบา ปัสสาวะพิการ ขับปัสสาวะ พลูคาว(魚星草)ที่มีสรรพคุณรักษาอาการทางเดินปัสสาวะติดเชื้อ (尿路感染) หกเหล็ง(茯苓) สมุนไพรไทย-จีนที่มีสรรพคุณขับปัสสาวะ (小便不利) ได้แก่ ไมยราบ(含羞草) หญ้าคา(白茅根) ผักกาดน้ำ(車前草) หกเหล็ง(茯苓) เจ๊กเสี่ย(澤瀉) ขอขอบคุณข้อมูลจาก โรงพยาบาลพญาไท, siamhealth, kapook,ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
ใบประกอบกิจการ ปฏิคมแพทย์แผนไทย ได้รับ ใบอนุญาติให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล ในลักษณะการแพทย์แผนไทย จากกระทรวงสาธารณะสุข
ซึ่งแสดงถึงการได้รับอนุญาติในการตั้งคลีนิค และทำการรักษา ได้ถูกต้องตามกฎหมาย
กรอกเพื่อขอรับคำปรึกษาหรือโทร 094-102-3766 |