ยาสมุนไพร ประจำตระกูลหลี |
ยากระษัยเส้น |
ยาบำรุงไต |
ยาริดสีดวงทวาร |
ยาแก้เริม งูสวัด ไฟลามทุ่ง |
ยาสตรี วัยทอง |
ยาบำรุงเลือดและลมปราณ |
ยาบำรุงเลือดสตรี |
ยาบ่วงเล่งตัง |
ยาโรคกระเพาะ |
ยาบำรุงสายตา |
รวมลิงค์เว็บเพื่อนบ้าน |
OF บริการคลังสินค้า ออนไลน์ |
อุปกรณป้องกันตัว ผู้หญิง |
สำหรับ พนักงาน |
Knowledge Base |
ดวงตากับการบำรุงสายตา
ดวงตากับการบำรุงสายตา ดวงตากับมุมมองแพทย์แผนจีน มีคำกล่าวที่ว่าดวงตาเป็นหน้าตาของหัวใจ แต่ในมุมมองแพทย์แผนจีนนั้นดวงตาเป็นตัวบ่งบอกสุขภาพของตับ ถ้าดวงตามีปัญหาจะบ่งบอกถึงตับปัญหาสุขภาพของตับด้วย หากตับมีความร้อนเกินไป ทำให้การมองเห็นมีปัญหา สมุนไพรจีนที่ใช้ในการรักษาตาจะเป็นกลุ่มสมุนไพรที่มีสรรพคุณนำความร้อนออกจากตับทำให้การมองเห็นชัดเจนช่วยขับไฟออกจากตับทำให้ลดอาการตามัวหากกรณีไฟตับมากเกินที่ทำให้ตาแดงปวดบวมทำให้ตาเป็นต้อเนื้อ ดวงตากับมุมมองแพทย์แผนปัจจุบัน สำหรับในมุมมองแพทย์แผนปัจจุบันนั้น ดวงตาสามารถโดนทำร้ายได้จากแสงภายนอก โดยเฉพาะสิ่งที่แอบแฝงมากับแสงแดด รศ.พญ. มัญชิมามะกรวัฒนะผู้อำนวยการศูนย์จักษุรักษ์ตาชั้น 2 ไลฟ์เซ็นเตอร์ (อาคารคิวเฮ้าส์ลุมพินี) ได้ให้ความเห็นว่า แสงแดดจะประกอบด้วยรังสีอัลตร้าไวโอเลต หรือปัจจุบันที่เรารู้จักกันในชื่อรังสียูวี (UV rays) ซึ่งเป็นคลื่นแสงที่มนุษย์มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หากได้รับรังสียูวีในความเข้มสูง จะส่งผลให้กระจกตาอักเสบ มีอาการแสบตา น้ำตาไหล แพ้แสง ตาแดงส่วนในระยะยาวมีโอกาสเกิดต้อลม ต้อกระจก ในอนาคตจอตาอาจเสื่อมได้ ดวงตากับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ขอบคุณรูปจาก NadineDoerle นอกจากแสงแดดแล้ว อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็น หลอดไฟ จอโทรทัศน์ จอคอมพิวเตอร์ จอโทรศัพท์ จอแท็บแล็ตก็ปล่อยรังสียูวีออกมาทำร้ายดวงตาของเราเช่นกัน มากน้อยขึ้นกับคุณภาพสินค้าของผู้ผลิต ถ้าสังเกตให้ดีในยุคสมัยนี้ไม่ว่าเด็กประถมก็เล่นเกมROVผ่านจอมือถือวัยรุ่นอัพstatusขึ้นIG แม่บ้านวัยดึกเล่นเกมเพชร จนถึงไปถึงข้าราชการวัยเกษียณส่งรูปสวัสดีวันจันทร์ ยิ่งทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเราทุกเพศทุกวัยใช้ดวงตากับจอเหล่านี้มากมาย หากดูข้อมูลในเชิงสถิติมีรายงานผลการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยปี 2558 สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยการสำรวจผ่านอาสาสมัครจำนวน 10,434 คนพบว่าคนไทยใช้ดวงตากับหน้าจอมากถึง 7.2 ชั่วโมงต่อวัน ถ้าขณะนี้คุณอายุ 35 ปี แสดงว่าตาของคุณใช้งานมาแล้ว 229,950 ชั่วโมง และมันยังคงรับใช้คุณต่อไปเรื่อยๆ ถ้าคุณยังดูแลดีอยู่ มิเช่นนั้นแล้ว ตาของคุณจะเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลาด้วยแสงจากจอโทรศัพท์มือถือและจอแท็บแล็ตอย่างแน่นอน ด้วยการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันทำให้เสี่ยงมีปัญหา 1.ตาพร่า 2.ตาเสื่อมหรือถูกทำลายจากรังสียูวี 3.ตาล้า 4.ตาบอดกลางคืน 5.ตาแห้ง อย่างไรก็ดีองค์การอนามัยโลกได้บอกในปี 2557 ว่า 80% ของปัญหาสายตาสามารถป้องกันได้ด้วยโภชนาการและการรักษาที่ถูกต้อง ดังนั้นการดูแลดวงตาตั้งแต่วันนี้จึงถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ขอบคุณรูปจาก Concord90 และขณะนี้ได้เกิดโรคที่มาพร้อมกับการทำงาน การใช้ชีวิตหน้าจอเป็นเวลานาน นั้นก็คือ “โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม”พญ.ญาณินสุวรรณภาควิชาจักษุวิทยาคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดลได้ให้ข้อมูลกับทางหนังสือพิมพ์ไทยรัฐว่า โรคนี้เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตโทรศัพท์มือถือรวมถึงการอ่านหนังสือนานๆโดยไม่พักสายตาจนทำให้กล้ามเนื้อตาล้าหรือการนั่งในท่าหนึ่งนานๆไม่ขยับเขยื้อนร่างกายซึ่งโรคนี้พบมากในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงานเนื่องจากคนกลุ่มนี้ใช้เวลาอยู่กับคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์เกือบตลอดเวลาทั้งทำงานเล่นเกมและพูดคุยตอบโต้ผ่านทางข้อความ อาการของผู้ป่วย จะมีอาการตาแห้ง แสบตา เคืองตา ตาพร่า เกิดภาพเบลอหรือภาพซ้อนปวดศีรษะและอาจจะมีอาการแพ้แสงร่วมด้วย และปัจจุบันได้มีรายงานจาก South China Morning Post ว่ามีหญิงชาวจีนเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนที่มีชื่อว่า Honor of Kings อย่างหนัก ตัวเธอเองเล่นเลิกงานและวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอก็เล่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าจนถึงตี 1 จนทำให้ตาขวาของเธอเสียวิสัยทัศน์ในการมองเห็นไป ซึ่งแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยว่าเธอมีสภาวะประสาทตาอุดตันซึ่งเป็นสภาวะที่มักพบในผู้สูงอายุและไม่ค่อยเห็นในเด็กมากนัก วิธีดูแลรักษา จะเห็นได้ว่าปัจจุบันด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปเราต้องมีวิธีการดูแลดวงตาที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยเช่นกัน ขอบคุณรูปจากTama66
1. เลือกแว่นตาให้เหมาะสม ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถเพิ่มเลนส์ให้กับเพื่อตัดรังสียูวีหรือกรองรังสีต่างๆ ที่ปล่อยออกมาจากดวงอาทิตย์และอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องใช้งานคอมพิวเตอร์ทั้งวัน หรือช่วงเวลาเล่นเกมฆ่าเวลากับเพื่อนเป็นเวลานาน 2. ปรับความสว่างหน้าจอ ถึงแม้ว่าหน้าจอสีสดทำให้เพิ่มความสนุกในการรับชม แต่แสงสว่างที่มากเกินไปทำให้ตาแห้งหรือแสบตาได้ การลดความสว่างอาจจะเป็นหนทางที่ดีกว่า 3. ปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้น 4.ทำความสะอาดหน้าจอ ไม่ให้มีฝุ่นและลบรอยนิ้วมือ ที่ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็น 5. นั่งห่างจากจอประมาณ 5 เท่าของขนาดหน้าจอ 6. บริหารดวงตา 7. ละสายตาจากหน้าจอบ้าง หลังจากมองจอเป็นเวลานาน 1-2 ชั่วโมง ควรละสายตามองไปยังต้นไม้สีเขียว ท้องฟ้าบ้าง หรือวิวด้านนอกบ้าง ช่วยเพิ่มการผ่อนคลายได้ 8. ผ่อนคลายดวงตา ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ จะเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น ประคบดวงตาประมาณ 5 นาที เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบดวงตา 9. ลดแสงสะท้อน ติดม่านบังแสง ลดแสงสะท้อนบนจอคอมพิวเตอร์ที่เข้าสู่ดวงตา หากไม่สะดวกให้ติดตั้งแผ่นกรองแสงที่จอคอมพิวเตอร์แทน 10. ใส่แว่นดำเมื่อต้องออกกิจกรรมกลางแจ้ง อาหารและสมุนไพรบำรุงสายตา นอกจากกิจกรรมข้างต้นแล้ว เราสามารถหาอาหารหลายชนิดกินเพื่อบำรุงดวงตาของเราเพื่อให้อยู่เห็นโลกที่สวยงามไปอีกนานแสนนาน ดังต่อไปนี้ ขอบคุณรูปจาก PublicDomainPictures
1. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็นราสเบอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ บิลเบอร์รี่ โกจิเบอร์รี่(เก๋ากี๋) แบล็กเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่(ลูกหม่อนของไทย) มีสารสำคัญอย่างสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงสายตาโดยตรง ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ดวงตาถูกทำลาย ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเสื่อมของจอประสาทตาและลดการเกิดต้อกระจกได้ ขอบคุณรูปจาก congerdesign 2. ไข่ ไข่แดงอุดมไปด้วยลูทีน ซีแซนทีน และสังกะสี ช่วยลดความเสี่ยงของการเสื่อมของจอประสาทตา ทำให้เซลล์ต่างๆ ในดวงตาแข็งแรง ขอบคุณรูปจาก Silberfuchs 3. ดอกดาวเรือง สารสกัดจากดอกดาวเรืองช่วยปกป้องดวงตาจากรังสียูวี มลภาวะ และความเครียดที่อาจทำลายจอประสาทตา ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก ให้ภาพที่เห็นคมชัดขึ้น บำรุงจอประสาทตา ขอบคุณรูปจาก PublicDomainPictures 4. ผลแบล็คเคอร์เรนต์ 5. ผักใบเขียว นับว่าเป็นอาหารที่หาได้ง่ายตามตลาดทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น กวางตุ้ง คะน้า ผักบุ้ง ผักบุ้งจีน ตำลึง เป็นต้น ผักเหล่านี้ล้วนอุดมไปด้วยสารสำคัญอย่าง ลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอย่างหนึ่ง ช่วยลดความเสื่อมของจอประสาทตาและการเกิดต้อกระจกได้ ขอบคุณรูปจาก moreharmony
6. อะโวคาโด อีกหนึ่งผลไม้ที่กำลังนิยมในหมู่คนที่กำลังจะลดน้ำหนัก นอกจากเรื่องช่วยลดน้ำหนักแล้ว มีประโยชน์ในการบำรุงสายตา เพราะมีสารอาหารจำเป็น เช่น ลูทีนเบต้าแคโรทีน วิตามินบี 6 และวิตามินซี โดยจะช่วยบำรุงสายตา ป้องกันอาการตาฝ้าฟาง ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพดวงตาที่ร่วงโรยไปตามวัย ขอบคุณรูปจาก jackmac34 7. แครอท ขอบคุณรูปจาก stevepb 8. อัลมอนด์ ถั่วอัลมอนด์นั้นอุดมไปด้วยวิตามินอี ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา ขอบคุณรูปจากWow_Pho 9. ปลาทะเลน้ำลึก ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ซึ่งอุดมไปด้วยกรดไขมัน DHA ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้มากในเรตินาของดวงตา ดังนั้นมันจึงตรงเข้าไปซ่อมแซมดวงตาของเราให้กลับมาสดใส มีน้ำหล่อลื่นเพียงพอ และยังช่วยห่างไกลจากโรคตาแห้งอีกด้วย
10. กวกเม่งจี้ ตามทฤษฎีแพทย์แผนจีนช่วยนำความร้อนออกจากตับทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น แก้ไขปัญหากลัวแสงสว่างและน้ำตาไหลมาก ประสาทตาเสื่อม กกเจงเช้า 11.กกเจงเช้า ตามทฤษฎีแพทย์แผนจีนช่วยกระจายลมร้อนทำให้การมองเห็นชัดขึ้น ลดอาการตามัว 12. แชเซียจี้ ลดอาการตามองไม่ชัด ใช้ในกรณีตับร้อนทำให้ตาแดงปวดบวม ตาเป็นต้อเนื้อ มิกโม่วฮวย 13. มิกโม่วฮวย ทำให้การมองเห็นชัดขึ้น ลดอาการตามัว ใช้ในกรณีตาแดงปวดบวม ขี้ตามาก น้ำตามาก เก็กฮวย 14. เก็กฮวย(ดอกเบญจมาศ) ทำให้การมองเห็นชัดเจนขึ้น ใช้ในกรณีตาแดงปวดบวม ตาลายจากหนังสือ ขอขอบคุณข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจ,รศ.พญ.มัญชิมามะกรวัฒนะ,Nutrilite,พญ.ญาณินสุวรรณ,ไทยรัฐ, Gadgets360,Women’s Health Thailand กรอกเพื่อขอรับคำปรึกษาหรือโทร 094-102-3766 |